พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [3. อนิยตกัณฑ์] 2. ทุติยอนิยตสิกขาบท บทภาชนีย์
ถ้าอุบาสิกานั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ดิฉันเห็นพระคุณเจ้ากำลังนอนถูกต้องกาย
กับมาตุคาม ถ้าภิกษุกล่าวอย่างนี้ว่า อาตมานอนจริง แต่ไม่ได้ถูกต้องกาย พึง
ปรับอาบัติเพราะนอน ฯลฯ อาตมาไม่ได้นอนแต่นั่งอยู่ พึงปรับอาบัติเพราะนั่ง
ฯลฯ อาตมาไม่ได้นอน แต่ยืนอยู่ ไม่พึงปรับอาบัติ
เห็นนั่งในที่ลับ
[449] ถ้าอุบาสิกานั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ดิฉันเห็นพระคุณเจ้านั่งบนอาสนะ
ที่กำบังในที่ลับพอจะทำการได้กับมาตุคามสองต่อสอง และภิกษุนั้นยอมรับการนั่ง
นั้น พึงปรับอาบัติเพราะนั่ง ฯลฯ อาตมาไม่ได้นั่ง แต่นอนอยู่ พึงปรับอาบัติ
เพราะนอน ฯลฯ อาตมาไม่ได้นั่ง แต่ยืนอยู่ ไม่พึงปรับอาบัติ
เห็นนอนในที่ลับ
[450] ถ้าอุบาสิกานั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ดิฉันเห็นพระคุณเจ้านอนบนอาสนะ
ที่กำบังในที่ลับพอจะทำการได้กับมาตุคามสองต่อสอง และภิกษุนั้นยอมรับการ
นอนนั้น พึงปรับอาบัติเพราะนอน ฯลฯ อาตมาไม่ได้นอน แต่นั่งอยู่ พึงปรับอาบัติ
เพราะนั่ง ฯลฯ อาตมาไม่ได้นอน แต่ยืนอยู่ ไม่พึงปรับอาบัติ
คำว่า อนิยต คือ ไม่แน่ว่าจะเป็นปาราชิก เป็นสังฆาทิเสส หรือเป็นปาจิตตีย์
[451] ภิกษุยอมรับการไป ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตามอาบัติ
ภิกษุยอมรับการไป ไม่ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตามอาบัติ
ภิกษุยอมรับการไป ยอมรับการนั่ง ไม่ยอมรับอาบัติ พึงปรับอาบัติเพราะนั่ง
ภิกษุยอมรับการไป ไม่ยอมรับการนั่ง ไม่ยอมรับอาบัติ ไม่พึงปรับอาบัติ
ภิกษุไม่ยอมรับการไป ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตามอาบัติ
ภิกษุไม่ยอมรับการไป ไม่ยอมรับการนั่ง ยอมรับอาบัติ พึงปรับตามอาบัติ
ภิกษุไม่ยอมรับการไป ยอมรับการนั่ง ไม่ยอมรับอาบัติ พึงปรับอาบัติเพราะนั่ง